วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

[Short Fiction] แค่หายตัวห่างหัวใจนิดหน่อย ♥

[Short Fiction] แค่หายตัวห่างหัวใจนิดหน่อย

#คนที่อ่านฟิคนี้จนจบแสดงว่าหื่น#
#ภาษาแย่มากจ่ะ อ่านแล้วไม่เข้าใจก็โต้ดๆนะ#

ริท มึงจะอยู่อ่านหนังสือป่ะวะ

            “ทำไม กูว่าจะกลับละ กะจะไปอ่านที่คอนโดมีไรเปล่า

            “กะจะให้ช่วยติวให้หน่อย เป็นอีสุกอีใสหยุดไปหลายวันตามอะไรไม่ทันเลย แต่มึงจะกลับแล้วก็ไม่เป็นไร

            ผมที่สะพายเป้คู่ใจแล้วต้องถอดเป้แล้ววางลงบนโต๊ะอีกรอบ กุญแจรถที่หยิบออกมาไว้ในมือก็ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม

            “อยู่ก็ได้ เห็นว่าคนที่เก่งที่สุดให้ช่วยติวให้นะเนี่ย.. จะได้รู้สึกชนะมึงบ้างซะทีผมพูดขำๆ เปิดชีทไปพลางๆ ก็ไอ่คนข้างๆผมมันมีนามว่าวิน เป็นพาร์ทเนอร์ (บัดดี้ เพื่อนสนิท) ที่สุดในคณะ มันเรียนเก่งมากๆ ได้ 4.00 ทุกบล็อกที่เรียน แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมันหยุดไปเพราะเป็นอีสุกอีใส มันเลยตามไม่ทัน

            กลายเป็นหน้าที่คู่หูอย่างผมที่ต้องปฏิบัติหน้าที่สอนมันทุกอย่างที่มันไม่เข้าใจ..

            นักศึกษาแพทย์นี่ครับ หยุดยาวทีนี่ต้องอ่านหนังสือหัวปั่น

            “ขอบคุณนะมึง
            ผมยิ้มให้มันเบาๆ แล้วเปิดอ่านไปเรื่อยๆ

            ห้าโมงเย็นแล้วที่นี่ก็มีแต่นักศึกษาแพทย์ปีสองอย่างพวกผมที่คร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสืออยู่ มองไปทางไหนก็เจอแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด..

            ทวนไอ้วินก็เหมือนทวนให้ตัวเองไปด้วย

            “มึงไม่มีนัดที่ไหนนะ..

            “น่าจะไม่มี…”

            ตอนที่ผมตอบมันว่าไม่มี ในใจรู้สึกโหวงๆแปลก เหมือนว่าผมทำอะไรผิด พลันโทรศัพท์เจ้ากรรมในกระเป๋าก็สั่น ก่อนจะแผดเสียงร้อง ผมรีบกดรับทันทีเพราะกลัวว่าจะรบกวนนักศึกษาคนอื่นเค้า

            ไอ้วินมันรู้ว่าผมคุยโทรศัพท์แล้วจะคุยเสียงดัง มันเลยชี้มือปัดๆให้ผมเดินออกไปข้างนอกห้อง

            “…ครับ

            “รออยู่ข้างหน้าตึกนะ

            ให้ตายเถอะ วันนี้มีนัดกับพี่โน่.. สัญญากันตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะไปดูหนังหลังเลิกเรียน พี่แกคงจะมารอรับผมอยู่ข้างหน้าตึก แต่ทำไงได้ ผมจะทิ้งเพื่อนแล้วไปหาแฟนงั้นเหรอ เพื่อกำลังลำบากแต่ผมกำลังจะไปรื่นเริงกับแฟน มันดูเป็นเพื่อนที่เลวยังไงก็ไม่รู้

            ผมเดินออกไป เห็นร่างสูงในชุดไปรเวทธรรมดาแต่สวมแว่นตาเรย์แบรนด์ยืนท้าวรถมอเตอร์ไซค์คันโก้ของตัวเองอยู่.. ฝนข้างนอกเพิ่งหยุดตกไปไม่นาน แสดงว่าพี่โน่เพิ่งมา

            วันนี้คณะพี่โน่มีเรียนแค่ตอนเช้า ส่วนผมเรียนทั้งวัน..

            “ไหนกระเป๋าล่ะ

            มันมองหาเป้ที่ผมวางไว้บนโต๊ะข้างในครับ

            “ไปไม่ได้แล้วอ่ะพี่ ไอ้วินขอให้อยู่ช่วยติวหนังสือ พี่ไปคนเดียวก่อนนะจับมือพี่โน่เขย่า ส่งสายตาอ้อนวอนเต็มที่ แต่พี่มันทำหน้าไม่พอใจแล้วก็ส่ายหน้า ลูกอ้อนของผมใช้ได้ผลบ่อย แต่ครั้งนี้ดูยากแฮะ เพราะเราเกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วว่าจะไปดูหนังกัน

            “เรานัดกันแล้วนะริท

            “แต่ไอ้วินมันอ่านหนังสือไม่ทัน ริทต้องอยู่ช่วย

            “แล้วถ้าพี่บอกว่าให้ริทช่วยไปเที่ยวกับพี่บ้าง ริทจะเลือกไปกับพี่มั้ย…”

            “ไปไม่ได้จริงๆพี่…”
           

            “ริทเป็นเพื่อนสำคัญกว่าแฟนตัวเองหรอคือถามบ้าอะไรคำถามงี่เง่าชะมัด ไม่มีใครสำคัญกว่าใครทั้งนั้นแหละ แต่เพื่อริทกำลังเดือดร้อนเพราะอ่านหนังสือไม่ทัน แต่จะให้ริทไปสนุกสนานรื่นเริงมันไม่ใช่เพื่อนที่ดีชัดๆ
            เป็นแฟนแพทย์หรือนักศึกษาแพทย์มันก็ต้องทำใจ เวลาว่างแทบจะไม่มี แต่พี่โน่เขาเลือกผมเอง เข้ามารักผมเอง พี่เขาก็ควรจะรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าเราไม่ได้ใกล้ชิดกันบ่อยๆ
            แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่เราก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งหมด เพื่อทดแทนเวลาที่ขาดหายไป

            “พี่โน่.. เข้าใจริทหน่อยสิ เดี๋ยววันหลังเราค่อยไปนะ หนังเรื่องที่พี่อยากดูมันก็เพิ่งเข้า ผัดไปอีกวันสองวันจะเป็นไรไป มันไม่หนีพี่ไปไหนหรอก

            “แต่กว่าพี่จะหาเวลาว่างตรงกับริทได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ

            “ก็เดี๋ยวริทจะเคลียร์ทุกอย่างเพื่อไปกับพี่เลยไง วันเสาร์อาทิตย์นี้ริทว่าง..แต่ตอนนี้ริทขออยู่ช่วยวินก่อน อาทิตย์หน้าก็จะสอบบล็อกนี้แล้ว

            “แล้วริทไม่อ่านหนังสือหรือไง วันเสาร์อาทิตย์อ่ะ

            ไปต่อไม่ถูกเลย มันเป็นเรื่องจริงที่เสาร์อาทิตย์ก่อนสอบผมจะไม่ไปไหน.. ต้องอ่านชีทที่มีทวนไปทวนมาจนกว่าจะมั่นใจว่าจะทำข้อสอบได้

            “ก็เอ่อ

            ผมกระพริบตาปริบๆ

            พี่โน่ดึงมือตัวเองที่ผมจับอยู่ออกแล้วเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก่อนจะสวมหมวกกันน็อค..เขาก็หันมามองหน้าผมอย่างผิดหวังแล้วพูดอะไรบางอย่าง

            “จะทำอะไรก็ทำไป.. ความสำคัญของพี่เท่าเพื่อนริทเมื่อไหร่เราค่อยมาว่ากัน

            พี่โน่ขึ้นคร่อมรถเขาแล้วสตาร์ทจนเสียงเครื่องยนต์ดังไปทั่วบริเวณ

            แบบนี้เรียกว่าเราทะเลาะกันใช่ไหม..

            ผมยืนมองรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคลื่อนออกไปอย่างเหงาหงอยเหมือนถูกทิ้งยังไงยังงั้น ทั้งๆที่ผมตัดสินเลือกที่จะอยู่ที่นี่แท้ๆ แต่เอาเถอะ.. เดี๋ยวค่อยกลับไปง้อก็ได้

            ผมรู้.. ว่าเวลาจะง้อต้องทำยังไง ต้องเอาอะไรเข้าแลก..

            พี่แกเคยบอกว่า แค่ เสียงครางของผมกับการอยู่ข้างบนให้นั่นคือการง้อที่ได้ผลที่สุด
            มันเป็นอะไรที่หื่นเอามาก ๆ แต่ถ้าผมปล่อยให้เขาหายงอนเองนี่คงได้อกแตกตายกันพอดี

            “ไง เดินเป็นหมาหงอยมาเชียว

            “ไม่มีอะไร อ่านต่อสิ มีอะไรก็ถามแล้วกัน…”

            มันไม่ใช่นิสัยของผมเลยที่พอว่างแล้วจะกดโทรศัพท์แบบนี้เนี่ย ธรรมดาจะนั่งอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย แต่เพราะคนที่ผมแคร์เขางอนผม จะให้ผมทำยังไง เป็นห่วงก็เป็นห่วง ไม่รู้อารมณ์เสียไปถึงไหนต่อไหน ถนนยิ่งลื่นๆ อยู่ด้วย ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ไม่ใช่ว่าต้องให้ผมไปง้อถึงโรงพยาบาลเพราะนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่นั่นหรอกนะ

            ผมส่งอีโมชั่นในไลน์ที่เป็นรูปหัวใจไป 10 ดวง.. สติ๊กเกอร์หมีบราวน์นี่ทำหน้าสำนึกผิด.. แล้วก็สติ๊กเกอร์ของเมืองไทยประกันชีวิตที่เขียนว่า รักนะ จุ๊บๆไปให้

            หวังว่าพอเขาได้เปิดดูแล้วจะลดดีกรีการงอนเราลงมาบ้าง ผมจะได้ไม่ต้องใช้วิธีง้อที่เขาบอกว่าดีที่สุดไปง้อเขา

            ไม่ชอบเลยเวลาทะเลาะหรืองอนกันแบบนี้ คงเป็นเพราะเรารักกันมาก.. จนรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องผิดใจ

            ถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าผม ผมวิ่งไปกอดแล้วเนี่ย..









            กว่าไอ้วินจะอ่านหนังสือเสร็จก็หลายชั่วโมง ผมนอนหลับรอมันตั้งนาน เรียกว่ามันไม่ได้ให้ผมช่วยอะไรเลย ให้มานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ สงสัยผมจะทะเลาะกับพี่โน่ฟรีๆแน่เลย

            “เออ กลับดีๆนะ

            เราเดินแยกไปคนละทางครับ.. รถผมจอดอยู่ที่ข้างตึกนี้ ส่วนรถไอ้วินจอดอยู่ข้างหลัง

            นี่ถ้าผมไปดูหนังกับพี่โน่ผมคงทิ้งรถไว้ที่นี่

            แล้วซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่โน่ไป..

            แต่ตอนนี้ผมต้องกลับคนเดียวซะงั้น

            ..

            คืนนี้คอนโดผมผมไม่กลับมันแม่งละ หักพวงมาลัยเลี้ยวไปอีกทางเพื่อไปคอนโดของอีกคนที่กำลังงอนผมอยู่ให้ตายเถอะ รองจากพ่อและแม่ผมแคร์พี่มันมากอยู่คนเดียวนะ ไม่รักไม่ไปง้อ ไม่เอาเวลานอนไปทำอะไรด้วยหรอก(หมายถึงดูหนัง)

            เจ้าเล่ห์มากเลยแฟนผม งอนทั้งทีก็งอนไม่เนียน.. ที่คอนโดเขาจะเว้นที่ไว้ให้รถคนละคัน แต่รถพี่โน่เป็นมอเตอร์ไซค์ ธรรมดาก็จะจอดตรงกลางเลน แต่นี่เหมือนจงใจหลบให้ผมเข้าไปจอดได้สะดวกซะงั้น

            ผมเดินเข้าไปข้างในยื่นถุงหมี่เกี๊ยวที่ซื้อมาเผื่อพี่ยามที่นั่งเฝ้ายามอยู่..

            ก่อนจะค่อยขึ้นลิฟท์ไปชั้น 12

            ก๊อกๆ              

          เคาะชุดแรกไม่มีเสียงตอบรับ..

            ก๊อกๆ

          ชุดที่สองก็เหมือนกัน

            ไม่ทนเคาะชุดที่สามให้เจ็บมือ..ผมก็เปิดประตูเข้าไป
            ข้างในมืดสลัว มีแสงออกมาจากในห้องครัวกับช่องใต้ประตูห้องนอน.. ผมปิดประตูห้อง และกดล็อคผมหันมาอีกทีแสงไฟที่ลอดมาตามช่องใต้ประตูมันก็ไม่มีแล้ว
            พี่โน่กำลังจะเล่นบ้าอะไรเนี่ย
            ผมเอาเป้ไปวางไว้บนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วเดินกลับมาที่หน้าห้องนอน แล้วตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปทันที..
            ข้างในห้องมืดสนิท แอร์เย็นเฉียบ พอผมปิดประตูห้องนอนเสร็จเลยรีบควานหาสวิตซ์ไฟ แต่ยังไม่ทันได้เปิด ก็มีมือปริศนาจับเข้าที่ข้อมือผมแล้วออกแรงดึงจนผมไปอยู่ในอ้อมกอดของคนคนนั้น
            พี่โน่กอดผมจากข้างหลัง กดจมูกโด่งๆลงมาที่แก้มผม ก่อนจะไล้จมูกไปจนถึงใบหู.. ส่วนผมขนลุกเกรียวเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแอร์มันเย็นไป หรือว่าอะไรที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
            “บุกรุกห้องคนอื่น พี่แจ้งตำรวจจับได้นะ
            “ลองมาจับสิ ริทจะได้แจ้งกลับว่าพี่โน่เคยพาริทมาทรมานที่นี่ถึงสามวันสามคืน
            ผมตอบอย่างไม่ยอมแพ้ ก็พี่มันเคยกักกังหน่วงเหนี่ยวผมไว้ตั้งนานแถมยังทำการทรมานร่างกายผมทั้งวันทั้งคืน
            “ถ้าพี่แจ้งตำรวจ พี่คงโดนแจ้งกลับ งั้นพี่จับด้วยตัวพี่เองดีกว่า..  พี่จะเป็นหน่วยสวาท สั่งสอนเด็กที่ผิดสัญญาให้หมดฤทธิ์ดีมั้ยจมูกโด่งกดลงที่ซอกคอผมเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความหลงใหลที่ผมสัมผัสได้
            “ขอโทษนะพี่โน่ แต่พี่ก็ต้องเข้าใจว่าริทไปตามนัดไม่ได้จริงๆ…”
            “ไม่ยกโทษให้หรอก
            ผมแกะมือพี่โน่ที่กอดผมอยู่ออก
            “งั้นริทกลับนะ ว่าจะมาค้างด้วย แต่เจ้าของห้องเค้าโกรธริทอยู่ ริทคงอยู่ไม่ได้แน่ๆเพราะอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนที่เขางอนริท…”
            มือหนาจับที่ข้อมือผมอีกครั้ง ผมพยายามมองตาพี่โน่ในความมืด
            ..
            “ง้อสิ ง้อพี่ก่อน…”
            “ทำไปพี่โน่ก็ไม่หายโกรธหรอก พี่โกรธริทอยู่นี่ ทำไปมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ได้เกิดจากความรู้สึกดีๆ
            “ก็ง้อนะ ง้อนิดนึง แบบที่เคยทำแบบที่พี่เคยบอกไงนะ
            แล้วจะพูดทำแป๊ะอะไร ถ้าพี่จะผลักผมลงเตียงขนาดนี้.. มันมืดจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมเชื่อฝีมือพี่โน่เขาเลย จะจับอะไรผมที่ก็ถูกที่ไปหมด ต่างกับผมที่มือไม้สะเปะสะปะไปทั่ว
            “อื้อ ริทตัวหอมจัง…”
            ทุกอย่างค่อยดำเนินไปช้าๆ แต่ชัดเจนในทุกสัมผัส รอยจูบที่พี่เขาประทับไปทั่วตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความรักที่เขามีให้…  ผมทำตามที่เขาชอบ ทำแบบที่เราเคยทำให้กัน ยิ่งแนบชิดเท่าไหร่ ยิ่งปลุกอารมณ์ดิบในร่างกายให้รุกโชน
            ครั้งแล้วครั้งเล่า
            บอกรักกันไปเรื่อยๆ
            ให้ทดแทนช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
            ให้ทดแทนทุกๆ อย่าง



[Tono]
            หลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้หลังจากที่ผ่านไปหลายรอบเราก็นอนแหย่กันไปแหย่กันมาอยู่สักพัก แหย่กันจนจะงอนอีกรอบแกล้งกันบ้าง แซวกันบ้างแต่ที่รู้ๆ ผมไม่ได้เป็นฝ่ายชิงหลับก่อน เพราะผมแอบมองใบหน้าหวานตอนหลับอยู่สักพัก
            เรื่องเมื่อเย็น บอกเลยว่าผมงอนจริงอุตส่าห์นัดไว้แล้วว่าจะไปดูหนังด้วยกันแต่ริทมันก็ผิดสัญญา
            แต่บอกตามตรงระหว่างไปเที่ยวไปดูหนังกับการที่ให้มันมา ง้อแบบนี้ ผมเลือกอย่างหลังดีกว่า
            คนตัวเล็กกระชับอ้อมกอดที่กอดผมอยู่ แล้วแอบยิ้มบางๆ
            ตื่นแล้วยังมาแกล้งหลับอีก เดี๋ยวงอนอีกจะรู้สึก
            “พี่ยังไม่หายโกรธนะ…”
            ผมกระซิบข้างหูเล็กแล้วกัดเบาๆ
            ไอ้ตัวดีเบิกตาโพลงเลยพอผมพูดแบบนี้
            “ริทเหนื่อย…”
            “…อีกนิดนะ
            ก็เล่นมานอนเปลือยเนื้อแนบเนื้อกับผมอยู่แบบนี้ แถมยังขยับเข้ามาใกล้อีก จะให้ผมทนได้ยังไง
            คนตัวเล็กคลานขึ้นมานอนบนตัวผม ก่อนจะเอามือมาประคองหน้าผมไว้แล้วมอบจูบหวานล้ำให้มันเอียงหน้าตัวเองให้ได้องศาพอเหมาะแล้วสอดลิ้นเข้ามาหลอกล่อผมมีเหรอที่ผมจะปล่อยให้หลุดลอย รีบเป็นฝ่ายกวาดต้อนความหวานในปากเขาแทนทันที เรื่องอื่นให้มันทำได้ แต่เรื่องจูบนี่ผมไม่ยอมนะ
            พอมันถอนจูบออก ผมก็เห็นริมฝีปากอวบอิ่มที่ขึ้นสีแดงเจ่อยิ่งดูเซ็กซี่ไปกันใหญ่เลยทีนี้
            ตอนแรกมันนั่งอยู่บนหน้าท้องผม ตอนนี้มันค่อยๆเลื่อนลงไปนั่งข้างล่างตามหน้าที่ มันยกตัวขึ้นนิดๆ แล้วค่อยๆกลืนกินของผมไปช้าๆ มันกัดริมฝีปากของตัวเองนิดๆ ยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง ยังเข้าไปไม่สุดผมก็แทบจะระเบิดออกมา
            สะโพกเล็กโยกขึ้นลงสองสามทีส่วนอ่อนไหวของมันก็ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาเลอะหน้าท้องผมหน้ามันขึ้นสีแดงอ่อนๆ ก่อนจะเริ่มขยับอีกเพื่อช่วยผมให้ได้ปลดปล่อย เสียงครางหวานๆของมันยิ่งทำให้ในท้องผมปั่นป่วน เสียงมันร้องเรียกชื่อเราเวลาที่มันกระแทกตัวเองลงมาทำให้ผมแทบอดใจไม่ไหว
            “อื๊อ พี่โน่ ริทอ่ารักพี่นะ อ๊ะ อื้อ…”
            “อื้ออ่า
            กว่าจะแตะขอบสวรรค์กันอีกรอบก็เล่นเหงื่อออกทั่วกาย.. ริททรุดนอนลงบนตัวผม หายใจหอบถี่ อกเล็กกระเพื่อมขึ้นลง.. ผมดันตัวมันนอนลงบนเตียงแล้วเป็นฝ่ายขึ้นไปคร่อมมันไว้บ้าง

            “ผ่านมาครึ่งทางแล้วนะครับที่รัก”.




 ————————————————————————
คิดถึงเค้ามั้ย ฮือ เค้าคิดถึงการแต่งฟิคหื่นๆมาก นี่พูดเลย ไม่มีใครอ่านไม่เป็นไรนะ เค้าอยากแต่ง เค้าเก็บกด ใครอ่านก็อ่านไป ใครไม่ชอบ ใครรับไม่ได้แล้วก็ขอโทษด้วย ตัวละครยังเหมือนเดิมนะชีวิตจริงช่างมันเต๊อะ
เราชอบฟิคที่มีริทเป็นตัวเอก แต่พระเอกเราก็เปลี่ยนเป็นคนอื่นไม่ได้จริงๆ เรายืมอิมเมจกับชื่อเขามานะ 5555555555
เราโกรธพี่โน่นะ แต่ไม่ได้เกลียด .. งอนไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะโอเค นะ
ใครที่เข้ามาอ่าน.. แล้วเล่นทวิต ถ้ารู้สึกกับพี่โน่ไม่เหมือนเดิมก็เลิกดราม่านะ ถ้าแซะก็แซะฮาๆ ไม่ได้เจ็บคนเดียวนะ คนที่อ่านข้อความพวกนั้นแล้วเป็นแฟนคลับเขาก็เจ็บ 
#เวิ่นไรเนี่ย #อ่านแล้วไม่เข้าใจตัวเอง #ไปละ
P.S.ถ้าต้องการให้เราแจ้งว่าอัพตอนใหม่แบบนี้ กลับไปเม้นที่ dek-d นะ ไม่ค่อยอยากอัพใน dek-d- เท่าไหร่ คำหยาบไม่ได้ NC ไม่ได้ เข้ามาอ่านในนี้เนอะ ถ้าหาลิงค์ไม่เจอก็ที่ bio twitter @FaiKra1 นะ
อิอิ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น