วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Flower : ดอกไลแล็ก โพลีแอนธัส #20

ดอกไลแล็ก โพลีแอนธัส : ความเชื่อมั่น

            ความรู้สึกแปลกๆบวกกับการปวดเมื่อยไปทั่วร่างกายเหมือนมีคนมานอนทับไว้ ทำให้ผมได้สติหลังจากที่เพิ่งนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง กลิ่นเบียร์ที่มันชัดเจนเหมือนผมดื่มเสียเองกับความชาดิกช่วงล่าง สติที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่กำลังหลั่งรินเข้ามาภายใน แรงอารมณ์พุ่งสูงจนผมผวาตื่นแต่ตายังลืมไม่ได้เพราะความอ่อนเพลียจัด
            บางอย่างที่เต็มแน่นในร่างถูกถอนออก เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่ากับอะไรบางอย่างที่ไหลไปตามง่ามขา เงาดำที่เคยอยู่เหนือร่างเริ่มหายไป ก่อนที่ผมจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มนวลครอบครองความต้องการในตอนเช้าตรู่
            ปลายลิ้นชื้นโลมเลียแผ่วเบา จนผมต้องบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน จิกปลายนิ้วลงกับผ้าปูที่นอนก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบรอบต้นคอแกร่งแล้วค่อยขยุ้มเรือนผมของบุคคลปริศนา
            ร่างกายผมเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง แค่พยายามจะฝืนลืมตาก็ยังทำไม่ได้ หนำซ้ำยังมีมือหนามาปิดตาไว้คล้ายจะแกล้งให้ผมขาดใจตาย ผมอยากจะแน่ใจว่าคนที่กำลังทำมิดีมิร้ายผมอยู่เป็นคนที่ผมรัก ไม่ใช่ใครคนอื่นที่ลักหลับผม
            บางอย่างที่แข็งแกร่งดุนดันแถวสะโพก ขาผมที่ถูกจับแยกกว้างไว้ตั้งแต่แรกพยายามหนีบเข้าหากัน แต่ก็ไม่ทันกับบางอย่างที่ล่วงล้ำเข้ามาในร่างกายผม
            เงาดำที่ถูกบดบังด้วยเปลือกตาอันหนักอึ้งเลื่อนตัวขึ้นมา ก่อนจะรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก จูบแบบนี้กลิ่นเบียร์ที่ยังชัดเจนแบบนี้ไม่ต้องเดาแล้วว่าใคร ลิ้นเรียวกระวัดพันเกี่ยวไปมาในปาก ช่วงล่างก็ขยับเข้าออกตามจังหวะ ผมครางในลำคออยู่นานมากเพราะร่างสูงจูบไม่ปล่อย
            “คิน...
            พอลืมตาได้เห็นเจ้าของชื่อที่ผมเรียกกำลังจ้องหน้าผมอยู่ ยังไม่ทันจะได้เดาความรู้สึกจากสายตา เขาก็ใช้ภาษากายสั่งผมให้นอนคว่ำ ผมทำตามอย่าว่าง่ายแต่ก็ดูไม่ทันใจสักเท่าไหร่ แรงก็ไม่ค่อยจะมี ยันตัวเองจากที่นอนยังไม่ไหวเลย
            คินจับเอวผมดึงสะโพกให้ยกสูง แล้วสอดกายเข้ามาอย่างใจร้อนจนผมต้องขยำผ้าปูแน่น ถ้าไม่มีมือคินจับเอวไว้ เข่าผมคงทรุดลงมาแน่...
            “อื้อ คิน ริทเจ็บ...” แรงที่ส่งมามันหนักไปเกินกว่าที่ผมจะรับไหว คินไม่ฟังผมสักนิด เร่งจังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิมจนผมที่อารมณ์ค้างจากรอบเมื่อกี้ปล่อยออกมาก่อน ผมนอนนิ่ง หลับตา ได้ยินแต่เสียงครางพึงพอใจของร่างสูงที่ยังคงเข้าออกในตัวผมไม่หยุด
            ไม่รู้ไม่เอาแรงมาจากไหน ดื่มไปตั้งเยอะ ไม่แฮงค์เลยหรือไง...ไม่รู้ว่าตอนที่ผมหลับ แอบทำไปกี่รอบแล้ว ผมก็เป็นพวกหลับลึกเสียด้วยสิ
            “ริท...อื้อ...ริท...
            “...” โอ๊ย ผมเขินนะ พอไม่ได้มีอารมณ์ร่วมแล้ว เหมือนต้องนอนรอ เหมือนต้องนอนดูคนมีอะไรกัน แต่ความรู้สึกที่กำลังเติมเต็มยิ่งทำให้ผมหน้าแดงเข้าไปใหญ่
            “ร...รักคินมั้ยริท รักมั้ย
            “ร...รัก” เสียงตอนถามเหมือนว่าถ้าผมไม่ตอบ คินจะขาดใจตายไปตรงนั้น แรงสุดท้ายถูกส่งมาพร้อมกับเสียงคราง ของเหลวอุ่นร้อนก็ถูกฉีดเข้ามา ความอุ่นของมันทำให้ผมร้อนไปทั้งร่าง
            ร่างหนักทิ้งตัวลงทับร่างผมไว้ กอดก่ายทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมกันแนบสนิท ผมกัดปากแน่นเมื่อคินหอมแก้มผมหลายๆฟอด...
            มือหนาลูบตั้งแต่ต้นแข็งไปยังปลายแขน แถมยังดึงมือผมไปจุมพิตเบาๆทั้งสองข้าง ดีที่ผมยังใส่เสื้ออยู่ ไม่งั้นคงกัดเป็นรอยไปทั่วแน่...
            “กลับมาตอนไหน
            “นี่คินไม่โกรธเหรอ
            “ตอนแรกก็โกรธ แต่พอเช็คดูแล้วไม่มีตรงไหนเสียหาย
            “เช็คไปกี่รอบล่ะ
            “รอบเดียว
            “โม้
            “พูดจริง
            “โม้
            “เอ้า ไม่เชื่อคินอีก...
            “ก็ตอนรู้สึกตัว รู้เลยว่ากำลังโดนปล้ำ
            “เห้ย คินเปล่าทำนะ ไอ้คนหล่อที่ไหนมันทำวะ เดี๋ยวฆ่าให้ตายเลย
            “งั้นก็รีบไปฆ่ามันเลย เร็ว!” ที่ผมพูดนี่หมายถึงให้เขารีบเอาไอ้ที่อยู่ในตัวผมออกไป ไม่ใช่แช่อยู่อย่างนี้ ผมเกร็ง ผมอึดอัด แล้วยิ่งเกร็งแบบนี้กลัวว่าจะโดนต่ออีกรอบ
            “ใจร้าย เมื่อคืนก็ปล่อยให้แฟนนั่งเครียดอยู่คนเดียว ว่าจะไปอยู่ที่ไหนกับใคร กำลังทำอะไรอยู่
            “ถ้าไว้ใจริท คินก็ไม่เครียดหรอก
            “คินไม่ไว้ใจไอ้นั่นต่างหาก
            “งั้นทีหลังถ้าจะตามก็ตามให้เนียนหน่อย ไม่ใช่แต่งตัวพรางแบบพวกศิลปินอย่างนั้น แบบนี้ใครก็มองเห็น...
            “อ้าว นี่รู้เหรอ
            “ริทรู้สิ ไม่รู้ไม่กลับตีสามหรอก ว่าจะแกล้งให้คนแถวนี้ทรมานใจเล่นๆ แต่ไม่นึกว่ากลับมาแล้วกระป๋องเบียร์จะเต็มห้องแบบนี้
            “แกล้งกันแบบนี้เดี๋ยวก็โดนรอบที่สี่หรอก
            นี่แสดงว่าโดนลักหลับไปสองรอบ
            “ออกไปได้แล้ว อึดอัด
            “กำลังอุ่นๆ สบายๆเลย
            ผมเขินเอาหน้ามุดหมอน พอเกร็งตัวปุ๊บร่างสูงก็ร้องเลย หาว่าผมยั่วอีก... เลยต้องนอนนิ่งปล่อยให้อีกคนล่าถอยไปเอง ผมทำท่าเหมือนจะหลับอีกรอบเพราะความอ่อนเพลีย คินเลยถอนตัวออก แล้วไปเอาน้ำมาเช็ดตามง่ามขาที่เปื้อนคราบขาวขุ่นให้ หยิบกางเกงที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวมให้ผมแล้วเขาก็ไปอาบน้ำ
            คราวนี้ผมคงจะได้นอนจริงๆแล้ว



            ช่วงเที่ยงคินพาผมออกไปข้างนอกเพื่อหามื้อกลางวันทาน แต่ร้านประจำของผมก็ไม่ค่อยมี ร้านอาหารจีนนั่นก็เปิดตอนเย็นๆด้วย เลยตัดสินใจฝากท้องไว้กับห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง...เนื่องจากหิวด้วยกันทั้งคู่เลยไม่เรื่องมาก เลือกอาหารที่ถูกปากเราทั้งคู่นั่นก็คือร้านอาหารญี่ปุ่น
            ผมสั่งไปหลายอย่างเลยไม่รู้จะทานหมดหรือเปล่า คินดูอึ้งๆที่ผมสั่งอะไรเยอะแยะขนาดนี้
            “กินหมดเหรอ
            “ไม่รู้ ความจริงนี่อยากสั่งทุกอย่างในเมนู แต่คิดว่าโต๊ะไม่พอ
            “ไม่หมดไม่ช่วยนะ
            “อื้อ
            ผมหิวมากจนยกมือลูบท้อง อาหารก็ยังไม่มาสักที คินก็มองผมตลอดเวลา ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา ไหนจะสายตาของคนอื่นในร้านนี้ที่มองมาที่เรา นึกสงสัยว่าเราเป็นอะไรกัน เห้อ ผู้ชายสองคนเดินเข้ามาในร้านแบบประสานมือแถมยังมานั่งจ้องกันด้วยสายตาหวานเชื่อมแบบนี้ ใครจะไม่คิดล่ะครับ
            ความจริงเวลาไปไหนมาไหนด้วยกับคินจะเอาสร้อยที่ร้อยแหวนไว้ข้างใน แต่คราวนี้กลับเอามาไว้ข้างนอก แถมยังใส่เสื้อสีดำตัดกับสีของแหวนอีก มันไม่ยุติธรรมเลยที่ผมต้องใส่แหวนไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย แต่คินแขวนไว้ที่คอ
            “ทีหลังริทขอเอาสร้อยมาร้อยแหวนแบบนี้มั่งนะ ใส่แหวนแล้วเขียนหนังสือไม่ถนัดเลย
            “ถนัดซ้ายเหรอ
            “...
            “เอาเถอะ คินไม่ให้ริทถอด แต่เดี๋ยวคินสวมแหวนเป็นเพื่อนก็ได้” ร่างสูงถอดสร้อยออกพร้อมกับเอาแหวนออกมาจากสร้อยเงิน ก่อนจะยื่นให้ผม แถมยังบังคับให้ผมสวมให้อีก แต่สวมตรงนี้ก็อายนะ คนอื่นจะมองเรายังไง
            “เดี๋ยวค่อยไปสวมให้ที่ห้อง
            “อยู่ห้องไม่มีเวลา
            “แป๊บเดียวเอง ไม่เห็นต้องใช้เวลาอะไรมากมาย
            “ได้อยู่ด้วยกันทั้งทีเราน่าจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ชดเชยเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน..
            “ทะลึ่ง พอแล้ว ไม่ให้แล้ว
            “แหนะ ยังไม่ได้พูดเลย
            “ก็...” เถียงไม่ออกเลย ในเมื่อเราคิดเองเออเองคนเดียว คินหัวเราะใหญ่ที่ผมพูดไปถึงเรื่องนั้น ทำหน้ากรุ้มกริ่มล้อเลียนผมจนอาหารมาเสิร์ฟ ผมก็แกล้งงอนไม่พูดไม่จา แต่พออาหารเข้าปากเท่านั้นแหละ อารมณ์ขุ่นมัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง ว่าจะไม่พูดกับคนตรงหน้า แต่พอเขาถามว่าอร่อยมั้ยก็ตอบอย่างรวดเร็วทั้งๆที่อาหารยังคาปาก
            ผมทานข้าวหน้าเนื้อ แต่ก็ตักหอมใหญ่ทิ้ง คนที่รับไปกินแทนคือคิน แอบดุผมนิดหน่อยที่ไม่ทานผัก
            “ไปไหนต่อมั้ย
            “กลับคอนโดเลยดีกว่า
            “ดีเลย
            ก็ดีสิ ในรถผมที่ตอนอยู่ที่คอนโด ผมขนงานที่บริษัทกลับมาทำเต็มเลย ว่าจะทำตอนว่างๆ ไม่งั้นงานเยอะๆแบบนี้มันต้องเสร็จไม่ทันเวลาแน่ๆ
            แถมที่นี่มันเป็นห้างดัง ห้างไฮโซ คนที่รู้จักผมเขามาเดินที่นี่กันเยอะมาก ถ้าคนพวกนั้นมาเห็นผมกับคินเดินจับมือกัน มีหวังเรื่องนี้ต้องสะพัดไปทั่วจนถึงหูพ่อกับแม่แน่ๆ
            ผมกินเยอะมากจนรู้สึกว่าเดินไม่ไหว ตอนเดินออกมาจากร้านเลยรู้สึกช้ากว่าปกติ คนเดินเร็วมันก็ดึงมือผมอยู่นั่น จนในที่สุดก็ต้องยอมมาเดินในระดับเดียวกันโดยการโอบไหล่ผมไว้ ฮือออออ แต่เดินแบบนี้คนมองเราเต็มเลย ผมต้องก้มหน้างุดกันคนรู้จักมาเห็น ต่างกับคินที่เดินเชิดหน้าชูตาดูมีความสุขมาก
            “เดินดีๆสิริท ก้มหน้าทำไม กลัวใครเห็นเหรอ...ไม่เงยเดี๋ยวจับจูบกลางห้างนะ
            “บ...บ้า” ผมตอบ “จับมือก็พอ ไม่ต้องโอบหรอก
            “ไม่ได้ เดี๋ยวแฟนหาย
            “จับมือไง ไม่หลงหรอก
            หาข้อบ่ายเบี่ยงเต็มที่จนคินยอมลดมือมากุมมือผมไว้ แต่ผมก็เปลี่ยนเป็นการเอามือมาประสานกันแทน เราจะได้จับมือกันและกัน...
            “ใครถามว่าเราเป็นอะไรกัน ก็บอกไปเลยว่า ‘แฟน’ นะ
            “เอางั้นเลย...
            ผมหรี่ตาถาม ได้คำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้า... โอเค แล้วแต่เลย ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ คินดูไม่อยากปิดบัง มีแต่ผมที่ยังไม่อยากบอกให้ใครรู้ เหมือนผมเป็นฝ่ายเห็นแก่ตัว มัวแต่อาย มัวแต่กลัว ไม่แคร์ความรู้สึกของคินแม้แต่น้อย ก็ได้ ๆ ต่อไปนี้ผมจะ...
            “เอ้า คิน...
            ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เดินสวนกับเราทั้งคู่ ทักทายคนข้างกายผมอย่างคนคุ้นเคย มือผมถูกปล่อยเป็นอิสระทันที ก่อนที่คินจะหันไปทักทายกับเธอคนนั้น
            “สบายดีนะจิน...
            นั่น ชื่อคล้องกันด้วย...
                คินทำเป็นไม่สนใจผม เล่นเอาผมรู้สึกจี๊ดขึ้นกลางอก แต่ผู้หญิงที่ชื่อจินคนนั้นพยายามชะเง้อมองผม แต่เหมือนไอ้ผู้ชายตัวสูงกว่าผมนี่พยายามบังไว้
            “ใครอ่ะ
            “เอ่อ...
            “น่ารักจัง แฟนคินเหรอ
            “เห้ย
            “ครับ...” ผมนี่ตัวร้ายดีๆนี่เอง ถามมาตอบไป คินอึ้งแล้วหันมามองผม ดูก็รู้ว่าแอบยิ้มอยู่ในใจที่ได้ยินผมตอบไปแบบนี้ สาวเจ้าคงถามเล่นๆมั้งครับ แต่ผมดันตอบจริงจัง ก็ช็อคๆ ไปตามๆกัน พอผมตอบไปความรู้สึกจี๊ดๆในอกก็หายไป เหลือแต่ความสบายใจที่เข้ามาแทนที่
            “น่ารักจังเลย คินไปคว้าที่ไหนมาเนี่ย
            “เปิดผอบของพระเจ้าตาแล้วเจอน่ะ
            “ตลก..
            ผมหยิกเข้าให้ คินทำหน้าเหยเก เอี้ยวตัวหนีแรงบิด ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผมกับจิน
            “แก้มน่ากัดขนาดนี้ คินไม่ฟัดเช้า ฟัดเย็นเลยเหรอเนี่ย...
            “พูดอะไรน่ะจิน
            “เอ้า ก็พูดความจริง เพื่อนที่เมกาทุกคนก็รู้ว่าหนุ่มไทยคนนี้หื่นเก็บกดขนาดไหน มีแฟนเป็นตัวเป็นตนทั้งทีรู้เลยว่าต้องหลง...
            ผมทั้งเขินทั้งอายจนตัวแดง ในเมื่อที่เขาพูดมันจริงทุกอย่าง ไม่ใช่ที่บอกว่าแก้มผมน่าฟัดนะ หมายถึงเรื่องฟัดเช้าฟัดเย็นกับหื่นเก็บกดต่างหาก เมื่ออีกฝ่ายรู้แล้วว่าเราเป็นอะไรกันมือคินก็มาจับมือผมไว้เหมือนเดิม
            “รีบเปล่า...ไปกินกาแฟกันก่อนมั้ย นานๆเจอกันที
            คินหันมามองหน้าผม ถามประมาณว่า ‘เอาไง’ ผมก็เงียบใส่ แล้วแต่เลย แล้วแต่เลยจริงๆ
            “ไม่ดีกว่า...รีบกลับ มีเรื่องทำอีกตั้งเยอะ เนอะริทเนอะ
            “งั้นขอเบอร์นะ เผื่อจะได้นัดเจอกัน
            “อืม...08-xxxxxxxx”
            แอบรู้สึกไม่ดีนิดหน่อยที่ต้องมายืนฟัง ‘แฟน’ ตัวเองแจกเบอร์ให้คนอื่น กว่าจะล่ำลากันเสร็จผมก็เดินหนีมาก่อนแล้ว โอ๊ย ทำไมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าอย่างนี้วะ...
            ตอนแรกก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ตอนนี้อยากจะประกาศให้โลกรู้ว่าเราไปถึงไหนต่อไหน(?)กันแล้ว .. ฮึ่ยยย
            “ริท!”
            ไม่ต้องมาเรียกเลย.. ตอนนี้ถึงคอนโดเรียบร้อยแล้วครับ ผมกำลังเดินไปที่ห้องอยู่ แต่เดินเร็วไปหน่อยทำให้เหมือนเดินหนี(ความจริงก็หนีนั่นแหละ) อีกคนตะโกนเรียกผมก็ไม่หัน ถ้าบอกว่าผมงอน มันจะดูงี่เง่าไปมั้ย แล้วงอนเรื่องอะไรวะ แค่เขาขอเบอร์กันแค่เนี้ย
            "จะทำงานไม่ต้องตามเข้ามา"
            ดีที่ถืองานติดมือมาแล้ว ขังตัวเองอยู่ในห้อง กะจะสงบสติอารมณ์ด้วยการนั่งทำงาน ข้างนอกก็ทุบประตูห้องนอนเสียงดังปึงปัง ออกจะหนวกหูนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าการไปเผชิญหน้า เอ้า ถ้าคินถามว่าเป็นอะไร จะให้บอกว่าผมงอนเหรอ แล้วเขาก็ต้องถามอีกว่างอนเพราะอะไร ผมมันก็ไม่มีเหตุผลให้เขาด้วยน่ะสิ ไม่งั้นออกไปคุยแล้ว
            พอเสียงเคาะประตูเงียบ ผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆกว่ากางเกงยีนส์หน่อย แล้วไอ้พวกเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆที่ผมว่ามันก็มีแต่ของคิน ที่เจอตอนนี้ก็มีแต่พวกกางเกงเอวยางยืดที่เริ่มย้วย ขาสั้นเสมอเข่า อย่าหาว่าผมแต่งตัวอ่อยเลย จะให้ไปใส่กางเกงแบบตะขอที่หลวมโครก เวลาเดินไปไหนมาไหนก็คงต้องถือขอบกางเกงไปด้วย
            เจอโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ วางพิงไว้ข้างตู้เสื้อผ้า เหมาะจะไว้ทำงาน ผมเลยเอาออกมากางปลายเตียง เห็นเอกสารสีขาวๆ แล้วเหนื่อยเลย...
            ผมทั้งปิดเสียง ปิดสั่น มือถือไว้ คนข้างนอกโทรหาผมเป็นสิบสายละ จนตอนนี้คงถอดใจเลิกโทรไปแล้ว
            โอเค จะได้ทำงานที่เอามาสักที...



            กว่า 10 นาที เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตอนแรกก็จะไม่เปิดหรอก แต่หน้าจอมือถือก็สว่างวาบขึ้นโชว์มีข้อความเข้า...
            'มีดอกไม้มาส่ง ออกมารับด้วยครับ'
            หนอย ง้อเหรอ... ยอมก็ได้วะ
             "ไม่ได้สั่งนี่ครับ" ผมแง้มประตูไป เจอตัวการยืนถือช่อดอกไฮเดรนเยียอยู่ "ส่งผิดที่แล้วมั้งคุณ..."
             "ถ้าคุณเป็นแฟนของผู้ชายที่ชื่อภาคินไม่ผิดแน่ๆครับ"
             "อ่อ งั้นผิดแน่ๆครับ พอดีผมไม่ใช่แฟนเค้า"
             "ถ้าไม่รับไป เด็กส่งดอกไม้คนนี้จะตกงานเอานะครับ..."
             "เสียใจด้วยครับ ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ"
             "ผมผิดไปแล้วครับ คุณเรืองฤทธิ์...รับดอกไม้ด้วยเถอะครับ" อยากจะเอากล้องมาถ่ายรูปเด็กส่งดอกไม้จำเป็นคนนี้ซะจริงๆ แต่ทำไงได้ ต้องแกล้งก่อน ไม่เอาคืนไม่ใช่ผมแน่ๆ
             "รู้เหรอว่าผิดอะไร" ผมถามเพราะผมก็ยังไม่รู้
             "ทีหลังจะไม่ให้เบอร์ใครแล้วครับ...หึงก็บอกกันดีๆสิ อย่างอนแบบนี้"
             "เป็นแค่เด็กส่งดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ผมจะไปหึงคุณได้ไง"
             "โถ่..."
             ก่อนที่เรื่องจะไปไกลมากกว่านี้ผมก็รีบคว้าดอกไม้ช่อนั้นมาถือ อีกฝ่ายยิ้ม ตั้งท่าจะเข้ามากอด ดีที่ผมยันไว้ได้ทัน...
             "ไม่งอนแล้วนะ"
             "อือ"
             "จูบหน่อย"
             "ไม่"
             เขย่งเท้าหอมแก้มคินไปทีนึง แล้วค่อยวิ่งหนี จูบเหรอ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเลยเถิด...
             คินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ผมก็นั่งทำงานของผมไป ดอกไม้ช่อเล็กๆนั้นที่จะคงเดลิเวอรี่มาจากทางร้านผมวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งเรียบร้อยแล้ว ดอกไม้สีเหลืองๆฟ้าๆ พร้อมการง้ออย่างไม่มีเหตุผล...ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ในวันนี้แล้วกันนะครับ
             ร่างสูงเดินผ่านหน้าผมไปข้างนอกห้อง ก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำดื่มและโยเกิร์ต...
             "หิวมั้ยริท"
             "พึ่งกินมาจะหิวอะไรเล่า"
             "แต่คินหิวอีกแล้ว"
             ทำหน้าหงอยแล้วก็มานั่งซ้อนหลังผม ปลายเตียงนั่นแหละ บนเตียงก็มีไม่นั่งนะ มานั่งเบียดให้ผมอึดอัด คนจะทำงานก็กลายเป็นเขียนหนังสือไม่ออกเลย ลืมไปหมดว่าเมื่อกี้จะเขียนในเอกสารการประชุมว่าอะไร
              คนที่บอกว่าหิวนั่งเล่นสมาร์ทโฟน ป้อนโยเกิร์ตเข้าปากตัวเอง ไม่ลืมเผื่อแผ่มาถึงผม ตอนแรกบอกว่าอิ่ม แต่เมื่อมาจ่อชิดริมฝีปากขนาดนี้ผมก็เลยงับไปหลายคำ 
              "งานเยอะเหรอ"
              "เท่าที่เห็น"
              "พอจะมีเวลาให้แฟนตาดำๆ มั้ย"
              อ้อนอะไรอีกเนี่ย...
              "ไม่มีครับ" ผมส่ายหน้า
              "ทำงานเขาเอาไว้ทำที่บริษัท..."
              "ก็มันทำไม่ทัน"
              "ริทคิดว่าห้องนอนเค้ามีไว้ทำอะไร"
              "นอนหลับ"
              "ถ้าไม่อยากนอนอ่ะ เค้าจะเอาไว้ทำอะไร" รู้ตัวว่ากำลังโดนหลอกล่อให้ตอบเรื่องอย่างว่า อาศัยจังหวะจะลุกหนีแต่ก็โดนมือหนากอดรัดเอวไว้ แถมยังกอดผมแน่นมากกะจะไม่ให้หนีไปไหนเลยใช่มั้ย
              "ตอบก่อน"
              "อยากได้คำตอบว่าอะไรล่ะ...ไว้กินข้าว ไว้ทำงานก็ได้นะ" ผมยู่หน้าใส่ ลมหายใจอีกคนก็เริ่มแกล้งรดใส่คอผมแล้ว
              "เอาไว้กอด..." มือคินข้างนึงกอดเอวผมไว้ ส่วนอีกข้างลูบต้นขาผมที่อยู่ภายใต้กางเกงขากว้าง
              "อือฮึ..."
              "เอาไว้หอมแก้ม..." อยากทำอะไรก็ทำไป ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เขียนอะไรที่ไม่รู้เรื่องลงบนกระดาษเปล่าข้างหน้า ทั้งที่ความจริงไวกับทุกสัมผัสบนผิวกาย
              คินหอมแก้มผมเบาๆ แถมไล้จมูกลงมาตามข้างๆ ดมมาเรื่อยๆ จนถึงคอ
              "..."
              "เอาไว้จูบ..." ผมตกใจที่คินพูด เลยหันหน้าไปมอง กลายเป็นว่าริมฝีปากหยักแตะลงมาบนปากผมพอดี เม้มนิดๆแล้วผละออก...
              "อือ"
              "หันมาเองนะ..."
              โอเค จะไม่สนใจแล้ว...
              "ริทอยากทำงาน คินก็ตามใจ แต่คินก็อยากทำตามใจตัวเองบ้าง อย่าว่ากันนะ" ไม่ทันได้ร้องห้าม ทั้งกางเกงขาสั้นและกางเกงในถูกมือที่ป้วนเปี้ยนที่ต้นขาผมนานแล้วกระชากออก จนช่วงล่างผมเปล่าเปลือย
              "ค...คิน' ผมเอ่ยเสียงพร่า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังถกกางเกงตัวเองลง
              "ริทก็ทำงานไปสิ"
              "ค...คิน...โอ๊ะ"
              สะโพกผมถูกยกโดยคนที่นั่งซ้อนหลังผมอยู่ แล้วก็ให้ผมนั่งทับส่วนนั้นลงไป แต่ยังไม่ได้ใส่เข้ามา ผมพยายามดิ้นหนี แต่มันกลับส่งผลร้ายต่อตัวผมเอง เพราะตอนแรกมันยังไม่แข็งขนาดนี้ ผมกลับทำให้มันผงกหัวเหมือนอยากเข้ามาในตัวผมใจจะขาด
              "ทำงานสิครับ..."
              "คิน"
              โดนพรมจูบทั่วคอ เพราะเสื้อยืดที่ใส่ยังอยู่ปกติดี 
              "อื๊อ..."
              "ไม่เกร็งนะที่รัก..."
              มือแกร่งจับเอวผม แล้วบังคับให้นั่งลงไปบนตัวตนของเขาที่ชูชันขึ้นมา มันฝืดๆ เพราะผมไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเลย แถมยังไม่ได้เบิกทางไว้ก่อน ร่างสูงคิดว่าผมจะไม่ปฏิเสธแล้วเลยปล่อยเอว แต่ที่ไหนได้ผมจะลุกหนี
              ปากกาในมือร่วงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มือผมตอนนี้เลยวางไว้บนต้นขาแกร่ง จิกเล็บลงไปบนเนื้อขาแข็งๆ คินไม่จับเอวแล้ว เปลี่ยนไปจับก้อนเนื้อทั้งสองข้างแทน เขาแยกช่องทางลับของผมให้กว้างขึ้น แล้วค่อยดึงให้ผมกลืนกินตัวตนเขาไปอีกครั้ง คราวนี้โดนดันเข้าไปลึกสุดทางทีเดียว จุกไปทั้งตัว มวนไปทั้งท้องเลยครับ
            ข้างในอุ่นดีนะ
            “...
            “อือ แน่นด้วย
            “คิน!”
            ผมโกรธหน้าแดง ตั้งใจหันไปลงโทษเขา แต่ก็เอี้ยวตัวไม่ได้ เพราะตัวเราเชื่อมกันอยู่ ไอ้ที่อยู่ในกายผมมันไม่ขยับหรอกครับ แต่มันผงาดเสียจนผมแน่นไปทั้งตัว พูดอะไรไม่ออก...
            ทำงานๆ
            หนอย ทำเป็นลากโต๊ะญี่ปุ่นเข้ามาใกล้ เอาปากกายัดใส่มือผม อยู่แบบนี้ใครจะกล้าทำอะไรอย่างอื่นวะ...
            โกรธ
            พูดคำนี้คำเดียว อีกคนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม แต่ใส่มาซะขนาดนี้แล้ว จะให้เอาออกไปเฉยๆ มันจะใจร้ายเกินไปใช่มั้ย
            ...
            เท่านี้เขาก็ไม่บังคับผมแล้วครับ ผมเลยดึงตัวเองออก ลุกขึ้นยืน แล้วเหมือนจะเซ เพราะรู้สึกโหวงๆ
            คินดึงกางเกงตัวเองที่ปลายเท้ามาใส่เหมือนเดิม แล้วทำเหมือนจะลุกหนี แต่ผมดันไหล่ไว้ไม่ให้ยืน
            ไปไหน
            “เมียไม่ยอม ก็ต้องไปช่วยตัวเองสิ
            ..
            “...ใครบอกว่าเมียไม่ยอม
            ผมที่ยังไม่ได้ใส่กางเกง นั่งลงไปดึงกางเกงอีกคนลงไปกองที่เท้าเหมือนเดิม ก่อนจะนั่งลงหันหน้าเข้าหาเขา รับแท่งอุ่นๆสอดเข้ามาภายในกาย อีกคนยิ้มจนแก้มจะฉีกที่ผมทำแบบนี้ ตะกรุมตะกรามระดมจูบผมใหญ่เลยหลังจากที่ส่วนนั้นเราเชื่อมกันสนิท
            ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนให้ลิ้นผมเล่นด้วย แต่จูบแบบนี้ผมไม่ถนัดเท่าแบบที่ใช้ริมฝีปากเท่าไหร่(จูบกับคินแบบนั้นบ่อย) เลยทำแบบสะเปะสะปะ คินทำไงผมทำตาม...
            มันเสียวซ่านไปทั้งตัว ทั้งมือคืนที่กำลังขยี้หัวนมผมอย่างมันมือ อีกมือก็กำลังลูบไล้ไปทั่วใต้ร่มผ้า
            แฮ่กๆ…” หายใจไม่ทัน จนต้องผละออกมา แล้วหลังจากนั้น คินก็จับเอวผมให้เริ่มขยับขึ้นลง ข้างในผม ผมก็รู้สึกได้ว่ากำลังตอดรัดเขาถี่ยิบตามแรงอารมณ์ เสียงครวญครางของเราทั้งคาทั้งไปทั่วห้อง ตั้งแต่เริ่มทำจนปลดปล่อยเป็นสายธารอุ่น ลมหายใจหอบแฮ่กของเราทั้งคู่ยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับการเมคเลิฟครั้งนี้ทวีคูณ
            อ๊ะ อ๊า...คิน...ช้าไปหลายคำที่ผมไม่เคยพูด ผมก็ได้พูดออกมาหมด คินบอกอยากให้ผมร้องดังๆ แต่ผมก็อายเสียตัวเอง เลยได้แต่พูดปนเสียงคราง ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่อีกคนบอกว่าเพราะ
            อือ ข้างในมัน...อือ...แน่น...
            หลายอย่างที่ไม่เคยทำ ผมคิดว่าวันนี้ทำจนหมด คินแทบจะอุ้มผมไปทุกที่ เขาบอกว่าอยากรำลึกความหลังในครัว เขาก็อุ้มผมไปมีอะไรกันที่นั่น บอกว่าอากาศมันร้อนเขาก็พาผมไปร้องครางดังๆในห้องน้ำ ผนังห้องเขาก็ไม่เว้น ขาผมมันอ่อนแรงแต่ก็ยังยืนได้อยู่ เขาคงจะทำจนเราหมดแรงทั้งคู่ เพราะเมื่อผมยังมีสติเขาก็จะทำซ้ำเดิมอยู่อย่างนั้น
            ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า...จนผมเริ่มไม่ไหว ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง ม่านที่ถูกเปิดไว้ ทำให้เห็นมันกำลังจะลับไปกับหลังคาบ้านหลังนั้นที่อยู่ไกลๆ แสงส้มๆ ที่สาดส่องเข้ามาคงมีผมคนเดียวที่สนใจมัน
            อือ คิน...
            ท่านี้มันทรมานผมมาก คินลงแรงมาที่ตัวผมอย่างหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังมาก น้ำหนักทั้งหมดต้องเทมาที่เข่าผมซึ่งอยู่บนพื้นแข็งๆที่ปูด้วยพรม... แน่นอนครับ ผมกำลังอยู่ในท่าที่หน้าแนบพื้น แต่ก้นกระดก อีกคนคุกเข่าสอดใส่อย่างเมามันอยู่ข้างหลัง
            ผมไม่นึกว่าเราจะทำกันจนถึงเวลาที่พระอาทิตย์จะลาลับ...
            มันนานเกินไปแล้ว
            แรงกระตุกครั้งสุดท้ายถูกส่งมา พร้อมกับของเหลวอุ่นร้อนที่พุ่งเข้าในตัวผมครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ มันไหลเยิ้มลงมาตามขาตอนที่คินดึงตัวเขาออกไป ไม่แน่ใจเลยครับว่าหลังจากนี้ผมจะยืนได้มั้ย
            พระอาทิตย์หายไปพอดี...
            พอดีกับที่คินอุ้มคนกึ่งหลับกึ่งตื่นอย่างผมไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ปล่อยให้เขาถูกตัวไปมาอยู่อย่างนั้น ตอนล้วงเข้ามาทำความสะอาดภายในให้ ผมยังหลับตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น... รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกอุ้มมาวางไว้บนเตียง เขาสวมเสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อย ป้อนยาให้ผมด้วยปาก แล้วค่อยๆประคองให้ผมนอนในอ้อมกอดอุ่นๆ ตลอดคืน
            ร่างกายผมตอนนี้เหมือนทหารที่เพิ่งกลับจากการรบเป็นเวลา 1 เดือนเลยครับ
            ...ระบม...



 -----------------------------------------------
กลับไปอ่านคนเขียนทอล์คขำๆค่ะ + เม้นให้หน่อยยย อยากได้ยินบ่อยๆว่าคิดถึงกัน ♫